เรียนออนไลน์ส่วนตัว
สอนพิเศษตัวต่อตัว รับสอนพิเศษออนไลน์
HTML, SEO, WORDPRESS, FACEBOOK ADS, GOOGLE ADS
Responsive + Bootstrap, PHP + MySQL, LINE OA
เรียนออนไลน์ส่วนตัว สอบถามได้ทุกเรื่องที่สงสัย
เรียนผ่าน Google Meet ตัวต่อตัว เข้าใจง่าย สอนตรงจุด นำไปใช้ได้จริง
เปิดเผยทุกเทคนิค ที่นำไปใช้งานได้จริง เรียนออนไลน์ สะดวก เรียนได้จากทุกที่
เรียนครั้งละ 3 ชั่วโมง เลือกวันและเวลาได้ สอนพิเศษตัวต่อตัว เรียนออนไลน์ส่วนตัว
เรียนออนไลน์ส่วนตัว เลือกช่วงเวลาได้ดังนี้
รับสอนพิเศษออนไลน์ HTML, SEO, WORDPRESS, FACEBOOK ADS, GOOGLE ADS, Responsive + Bootstrap, PHP + MySQL, LINE OA
ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ โดยเลือกหลักสูตรที่เหมาะสมกับที่ต้องการ ดังนี้
หลักสูตร HTML เหมาะสำหรับบุคคลหลากหลายกลุ่มที่มีความสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์หรือการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น โดยเฉพาะกลุ่มต่อไปนี้:
1. ผู้เริ่มต้นที่ไม่มีพื้นฐาน
ผู้ที่สนใจเริ่มต้นเรียนรู้การพัฒนาเว็บไซต์
คนที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือการออกแบบเว็บไซต์มาก่อน
2. นักเรียนและนักศึกษา
ผู้ที่กำลังเรียนสาขาที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือการออกแบบเว็บไซต์
ผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะการเขียนโค้ดเพื่อใช้ในโปรเจ็กต์ต่าง ๆ
3. นักพัฒนาเว็บมือใหม่
ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะพื้นฐานด้านการสร้างโครงสร้างเว็บไซต์
ผู้ที่ต้องการเข้าใจวิธีทำงานของ HTML ก่อนที่จะต่อยอดไปยัง CSS, JavaScript หรือ Framework ต่าง ๆ
4. นักออกแบบเว็บไซต์ (Web Designers)
ผู้ที่ต้องการปรับปรุงทักษะเพื่อสามารถเขียนโค้ด HTML เบื้องต้นได้
ผู้ที่ต้องการเข้าใจการทำงานของเว็บไซต์เพื่อทำงานร่วมกับนักพัฒนาได้ดีขึ้น
5. ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ
ผู้ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์พื้นฐานสำหรับธุรกิจของตนเอง
ผู้ที่ต้องการแก้ไขและปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซต์ได้ด้วยตนเอง
6. ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ
บุคคลที่สนใจเข้าสู่วงการพัฒนาเว็บและต้องการเรียนรู้พื้นฐานก่อนพัฒนาไปสู่การเขียนโปรแกรมขั้นสูง
ทำไม HTML จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี?
HTML เป็นภาษาที่เข้าใจง่ายและมีโครงสร้างที่ชัดเจน
เป็นพื้นฐานของการพัฒนาเว็บไซต์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญก่อนการเรียนรู้ CSS และ JavaScript
ใช้ได้จริงในโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ทั้งส่วนตัวและงานในองค์กร
หากคุณอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งข้างต้น หรือสนใจสร้างเว็บไซต์ด้วยตนเอง HTML คือจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม!
ดูรายละเอียด หลักสูตร เรียน HTML ตัวต่อตัว ที่นี่ครับ
หลักสูตร SEO (Search Engine Optimization) เหมาะสำหรับบุคคลและกลุ่มเป้าหมายหลากหลายที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลบนเครื่องมือค้นหา เช่น Google และสร้างการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในโลกออนไลน์ โดยเหมาะสำหรับกลุ่มต่อไปนี้:
1. ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจ
ผู้ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและการเข้าชมเว็บไซต์
ผู้ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ธุรกิจให้ติดอันดับต้น ๆ บน Google
ผู้ที่อยากลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาผ่านการเพิ่มการเข้าชมแบบธรรมชาติ (Organic Traffic)
2. นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketers)
ผู้ที่ต้องการเสริมความรู้ด้าน SEO เพื่อวางกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์
ผู้ที่ต้องการใช้ SEO ในการผสมผสานกับแคมเปญโฆษณาและ Content Marketing
3. นักเขียนหรือบล็อกเกอร์ (Bloggers & Content Creators)
ผู้ที่ต้องการเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือบล็อก
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้วิธีเขียนเนื้อหาให้เหมาะสมกับ SEO
4. นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developers)
ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรต่อ SEO
ผู้ที่ต้องการแก้ไขโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสมสำหรับเครื่องมือค้นหา
5. ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพหรือเพิ่มทักษะใหม่
ผู้ที่สนใจเข้าสู่วงการการตลาดดิจิทัลและต้องการเรียนรู้ทักษะ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสทางอาชีพ
ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นสายงานในตำแหน่ง SEO Specialist
6. นักเรียนและนักศึกษา
ผู้ที่เรียนสาขาการตลาด เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือสื่อดิจิทัล
ผู้ที่ต้องการเตรียมความพร้อมสำหรับทำงานในอุตสาหกรรมดิจิทัล
ทำไมต้องเรียน SEO?
ช่วยเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ (Visibility) และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม
ลดต้นทุนการตลาดออนไลน์ระยะยาว
เป็นทักษะสำคัญในโลกดิจิทัลที่มีความต้องการสูงในตลาดแรง
ดูรายละเอียด หลักสูตร เรียน HTML ตัวต่อตัว ที่นี่ครับ
หลักสูตรทำเว็บไซต์ด้วย WordPress เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้การเขียนโค้ดมาก่อน เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่อไปนี้:
1. ผู้เริ่มต้นที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม
ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์แบบง่ายและไม่ซับซ้อน
ผู้ที่ไม่มีทักษะทางเทคนิคมาก่อนและต้องการใช้งานเครื่องมือที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้
2. เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของตนเอง เช่น ร้านค้าออนไลน์, เว็บไซต์บริษัท หรือเว็บไซต์บริการ
ผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการจ้างนักพัฒนาเว็บไซต์
3. ฟรีแลนซ์และผู้ประกอบอาชีพอิสระ
นักออกแบบเว็บไซต์หรือนักพัฒนาที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ต้องการเพิ่มบริการสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress ให้กับลูกค้า
4. นักการตลาดและผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย
ผู้ที่ต้องการสร้าง Landing Page หรือ Blog เพื่อสนับสนุนการตลาดออนไลน์
ผู้ที่ต้องการปรับปรุงเว็บไซต์สำหรับการแสดงผล SEO และโฆษณา
5. บล็อกเกอร์และนักสร้างคอนเทนต์
ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ Blog หรือ Portfolio ของตนเอง
ผู้ที่ต้องการจัดการเนื้อหาได้ง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอ
6. นักเรียนและนักศึกษา
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้การสร้างเว็บไซต์เพื่อโปรเจกต์การเรียน
ผู้ที่สนใจเรียนรู้การสร้างเว็บไซต์เพื่อต่อยอดความรู้ในอนาคต
7. ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ
ผู้ที่ต้องการเข้าสู่สายงานพัฒนาเว็บไซต์หรือการตลาดออนไลน์
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้ WordPress เพื่อเริ่มต้นสายอาชีพใหม่ เช่น WordPress Developer หรือ Website Manager
ทำไม WordPress ถึงเหมาะสำหรับทุกคน?
ใช้งานง่าย: มีเครื่องมือสำเร็จรูปมากมายและการตั้งค่าที่ไม่ซับซ้อน
ปรับแต่งได้หลากหลาย: มีปลั๊กอินและธีมให้เลือกใช้ตามความต้องการ
ต้นทุนต่ำ: สามารถสร้างเว็บไซต์แบบมืออาชีพได้โดยไม่ต้องลงทุนมาก
รองรับการขยายตัว: ใช้ได้กับเว็บไซต์ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ เช่น อีคอมเมิร์ซ
หากคุณกำลังมองหาวิธีสร้างเว็บไซต์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ WordPress คือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด!
ดูรายละเอียด หลักสูตร เรียน WORDPRESS ตัวต่อตัว ที่นี่ครับ
Facebook Ads เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ทรงพลังสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการโปรโมทสินค้าและบริการ หรือสร้างแบรนด์ในโลกออนไลน์ เหมาะสำหรับกลุ่มต่อไปนี้:
1. เจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการ
ผู้ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและการรับรู้แบรนด์
ผู้ที่มีสินค้าและบริการที่ต้องการโปรโมทสู่กลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ต้องการลดต้นทุนการโฆษณาและเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
2. นักการตลาดออนไลน์ (Digital Marketers)
ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการวางแผนและบริหารแคมเปญโฆษณา
ผู้ที่ต้องการเจาะลึกเทคนิคการวิเคราะห์ผลลัพธ์โฆษณาและปรับปรุงแคมเปญ
3. ผู้ดูแลเพจ Facebook หรือโซเชียลมีเดีย
แอดมินเพจที่ต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) และการเข้าถึง (Reach)
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้วิธีสร้างโฆษณาแบบมืออาชีพเพื่อดึงดูดลูกค้า
4. ฟรีแลนซ์และนักรับจ้างทำโฆษณา
ผู้ที่ต้องการให้บริการบริหารโฆษณา Facebook Ads สำหรับลูกค้า
ผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพใหม่ในสายงานการตลาดดิจิทัล
5. ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ
ผู้ที่สนใจเข้าสู่วงการการตลาดออนไลน์และต้องการเริ่มต้นด้วยเครื่องมือยอดนิยม
ผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะใหม่เพื่อสร้างรายได้จากการจัดการโฆษณา
6. นักเรียนและนักศึกษา
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้การลงโฆษณาเพื่อโปรโมทโปรเจกต์หรืองานของตนเอง
ผู้ที่สนใจเรียนรู้การตลาดออนไลน์ในเชิงปฏิบัติ
จุดเด่นของ Facebook Ads
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด: ด้วยการกำหนดอายุ เพศ ที่อยู่ ความสนใจ และพฤติกรรมของผู้ใช้
ใช้งบประมาณได้อย่างยืดหยุ่น: เริ่มต้นลงโฆษณาได้แม้มีงบจำกัด
วัดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน: มีเครื่องมือวิเคราะห์ (Facebook Ads Manager) ช่วยให้ปรับปรุงแคมเปญได้ทันที
รองรับทุกธุรกิจ: ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง หรือบริษัทใหญ่
ทำไมควรเรียนหลักสูตร Facebook Ads?
เพื่อเรียนรู้เทคนิคการตั้งค่าโฆษณาอย่างถูกต้องและสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล
เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ที่ต้องการต่อยอดความรู้ในการทำโฆษณา
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมีประสบการณ์แล้ว Facebook Ads คือเครื่องมือที่คุณควรรู้จักและใช้อย่างเชี่ยวชาญ!
ดูรายละเอียด หลักสูตร การลงโฆษณาด้วย Facebook ตัวต่อตัว ที่นี่ครับ
Google Ads เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก เหมาะสำหรับการโปรโมตธุรกิจ สร้างแบรนด์ และเพิ่มยอดขาย หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับกลุ่มบุคคลต่อไปนี้:
1. เจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการ
ผู้ที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าผ่านการค้นหาใน Google
ผู้ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและสร้างแบรนด์ในโลกออนไลน์
ผู้ที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการ
2. นักการตลาดออนไลน์ (Digital Marketers)
ผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะด้านการวางแผนและจัดการแคมเปญโฆษณา
ผู้ที่ต้องการใช้ Google Ads ร่วมกับเครื่องมือการตลาดออนไลน์อื่น ๆ
3. ผู้ดูแลเว็บไซต์ (Web Admins)
ผู้ที่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic)
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้การทำโฆษณาเพื่อปรับปรุง Conversion Rate บนเว็บไซต์
4. ฟรีแลนซ์และนักโฆษณา
ผู้ที่ต้องการรับงานบริหารและจัดการโฆษณาให้กับลูกค้า
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้วิธีเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด
5. นักพัฒนาเว็บไซต์และ Web Developers
ผู้ที่ต้องการเข้าใจการทำงานของ Google Ads เพื่อเพิ่มความสามารถของเว็บไซต์
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการติดตั้ง Conversion Tracking และการวิเคราะห์ผล
6. ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ
บุคคลที่สนใจเข้าสู่สายงานโฆษณาออนไลน์หรือการตลาดดิจิทัล
ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพและเริ่มต้นงานใหม่ในตำแหน่ง Google Ads Specialist
7. นักเรียนและนักศึกษา
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์และโฆษณา
ผู้ที่สนใจฝึกทักษะใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การทำงานในอนาคต
จุดเด่นของ Google Ads
เข้าถึงลูกค้าขณะที่พวกเขากำลังค้นหา: โฆษณาปรากฏบนหน้าแรกของ Google Search เมื่อมีการค้นหาคำที่เกี่ยวข้อง
เลือกกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย: เช่น คำค้นหา (Keywords), ที่อยู่, เวลา, อุปกรณ์
วัดผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ: ด้วยเครื่องมือ Analytics และ Conversion Tracking
รองรับธุรกิจทุกประเภท: เหมาะสำหรับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและองค์กรขนาดใหญ่
ทำไมควรเรียนหลักสูตร Google Ads?
เรียนรู้การตั้งค่าแคมเปญโฆษณาอย่างมืออาชีพ
เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนด้านโฆษณาและลดค่าใช้จ่าย
สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจในยุคดิจิทัล
เหมาะสำหรับทุกระดับตั้งแต่มือใหม่จนถึงผู้มีประสบการณ์
Google Ads คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคุณสร้างความได้เปรียบในตลาดออนไลน์และทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน!
ดูรายละเอียด หลักสูตร การลงโฆษณาด้วย Google ตัวต่อตัว ที่นี่ครับ
การเรียนรู้การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับทุกอุปกรณ์ (Responsive Design) ด้วย Bootstrap เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่สวยงาม ใช้งานง่าย และปรับขนาดหน้าจอได้อัตโนมัติตามอุปกรณ์ เช่น มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ เหมาะกับกลุ่มต่อไปนี้:
1. นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developers)
ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่รองรับทุกขนาดหน้าจอ
ผู้ที่ต้องการใช้ Bootstrap เพื่อเร่งความเร็วในการพัฒนาเว็บไซต์
ผู้ที่ต้องการสร้างโครงสร้างและเลย์เอาต์เว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพ
2. นักออกแบบเว็บไซต์ (Web Designers)
ผู้ที่ต้องการสร้างดีไซน์เว็บไซต์ที่สวยงามและเข้ากับเทรนด์สมัยใหม่
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้การออกแบบเว็บไซต์ที่เน้น User Experience (UX)
3. นักเรียนและนักศึกษา
ผู้ที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์
ผู้ที่ต้องการนำทักษะการทำเว็บไซต์ไปใช้ในโปรเจกต์การศึกษา
4. ฟรีแลนซ์และผู้ทำงานอิสระ
นักพัฒนาเว็บไซต์ที่ต้องการเพิ่มบริการทำเว็บไซต์ Responsive ให้ลูกค้า
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้เครื่องมือที่ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
5. เจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการ
ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ดูดีบนทุกอุปกรณ์
ผู้ที่ต้องการแก้ไขหรือปรับปรุงเว็บไซต์ของตัวเองให้รองรับการแสดงผล Responsive
6. ผู้เริ่มต้นในสายงานพัฒนาเว็บไซต์
ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานหรือมีประสบการณ์เล็กน้อยเกี่ยวกับการเขียนโค้ด HTML, CSS
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้ Bootstrap เพื่อเริ่มต้นทำเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
ทำไมควรเรียน Responsive Design + Bootstrap?
รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์: ออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ทั้งบนมือถือ แท็บเล็ต และเดสก์ท็อป
ประหยัดเวลา: Bootstrap ช่วยลดเวลาในการเขียนโค้ดด้วยคลาสสำเร็จรูปที่พร้อมใช้งาน
ดีไซน์สวยงามและทันสมัย: มีธีมและส่วนประกอบที่ออกแบบมาให้ดูเป็นมืออาชีพ
เหมาะกับ SEO: เว็บไซต์ที่รองรับทุกอุปกรณ์จะได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าใน Google
ปรับแต่งง่าย: สามารถปรับแต่งธีมและส่วนต่าง ๆ ของ Bootstrap ได้ตามความต้องการ
ตัวอย่างสิ่งที่คุณจะได้เรียนในหลักสูตรนี้
การสร้างเลย์เอาต์เว็บไซต์ด้วย Grid System ของ Bootstrap
การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานทุกหน้าจอ
การใช้ Components เช่น Navbar, Buttons, Forms และ Modals
การเพิ่มฟีเจอร์อินเตอร์แอคทีฟโดยรวม Bootstrap กับ JavaScript
การทำ Customization ให้ Bootstrap สอดคล้องกับดีไซน์เฉพาะตัว
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่ทันสมัยและใช้งานได้ดีบนทุกอุปกรณ์อย่างง่ายดาย!
ดูรายละเอียด หลักสูตรการทำเว็บไซต์ด้วย Responsive + Bootstrap ตัวต่อตัว ที่นี่ครับ
การเรียนรู้การพัฒนาเว็บไซต์ด้วย PHP และ MySQL ช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์แบบไดนามิกที่มีระบบจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ระบบจัดการสมาชิก ร้านค้าออนไลน์ หรือระบบหลังบ้าน (Backend System) เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่อไปนี้:
1. นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developers)
ผู้ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์แบบไดนามิกที่สามารถจัดการข้อมูลได้
ผู้ที่ต้องการสร้างระบบหลังบ้าน เช่น ระบบสมาชิก, ระบบจัดการสินค้า, หรือระบบจัดการเนื้อหา (CMS)
ผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะด้านการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน
2. นักเรียนและนักศึกษา
ผู้ที่กำลังศึกษาในสาขาคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ
ผู้ที่ต้องการพัฒนาโปรเจกต์สำหรับการเรียน เช่น ระบบการจอง ระบบร้านค้า หรือเว็บไซต์ข้อมูล
3. ฟรีแลนซ์และผู้รับจ้างทำเว็บไซต์
ผู้ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ให้ลูกค้าด้วยฟีเจอร์ที่ซับซ้อนและรองรับการจัดการข้อมูล
ผู้ที่ต้องการเพิ่มบริการสร้างเว็บไซต์แบบไดนามิกในพอร์ตโฟลิโอ
4. เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการ
ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจที่สามารถจัดการข้อมูล เช่น ร้านค้าออนไลน์หรือระบบจองบริการ
ผู้ที่ต้องการสร้างระบบจัดการข้อมูลภายในองค์กร เช่น ระบบรายงานหรือระบบคลังสินค้า
5. ผู้เริ่มต้นที่สนใจเรียนรู้การพัฒนาเว็บไซต์
ผู้ที่มีพื้นฐาน HTML, CSS, และ JavaScript และต้องการต่อยอดความรู้เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ที่ซับซ้อนขึ้น
ผู้ที่สนใจสร้างเว็บไซต์ด้วยภาษา PHP และระบบฐานข้อมูล MySQL
6. นักพัฒนาแอปพลิเคชัน
ผู้ที่ต้องการสร้าง Backend API เพื่อเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน
ผู้ที่ต้องการออกแบบและจัดการฐานข้อมูลที่มีโครงสร้างซับซ้อน
ทำไมต้องเรียน PHP + MySQL?
ภาษา PHP ใช้งานง่าย: เป็นหนึ่งในภาษาที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นพัฒนาเว็บไซต์แบบไดนามิก
ฐานข้อมูล MySQL ทรงพลัง: ใช้ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รองรับระบบขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่: ใช้ได้ตั้งแต่เว็บไซต์ส่วนตัวไปจนถึงเว็บไซต์ธุรกิจขนาดใหญ่
ต้นทุนต่ำ: PHP และ MySQL เป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่สามารถใช้งานได้ฟรี
ความยืดหยุ่นสูง: รองรับการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีและ Framework ต่าง ๆ
หลักสูตรนี้เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่ที่ต้องการเรียนรู้การพัฒนาเว็บไซต์ไดนามิก และผู้ที่มีประสบการณ์พัฒนาเว็บไซต์อยู่แล้วแต่ต้องการเพิ่มทักษะในการจัดการข้อมูลและสร้างระบบซับซ้อนขึ้น!
ดูรายละเอียด หลักสูตรการทำเว็บไซต PHP + MySQL ตัวต่อตัว ที่นี่ครับ
LINE Official Account (LINE OA) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านแอปพลิเคชัน LINE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมในประเทศไทย หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับกลุ่มบุคคลและธุรกิจต่อไปนี้:
1. เจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการ
ผู้ที่ต้องการใช้ LINE OA เพื่อสื่อสารและส่งโปรโมชั่นถึงลูกค้า
ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ที่ต้องการช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขาย
ร้านค้าออฟไลน์ที่ต้องการเพิ่มความสะดวกในการติดต่อกับลูกค้าผ่านออนไลน์
2. นักการตลาดและทีมงานด้านการตลาดออนไลน์
ผู้ที่ต้องการสร้างกลยุทธ์การสื่อสารที่ตรงกลุ่มเป้าหมายผ่าน LINE OA
ผู้ที่ต้องการวางแผนการส่งข้อความ Broadcast, Rich Menu หรือ Rich Message ให้มีประสิทธิภาพ
นักการตลาดที่ต้องการใช้ LINE OA ในการสร้างแคมเปญการตลาด
3. ฟรีแลนซ์และนักให้คำปรึกษาด้านการตลาด
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้การใช้งาน LINE OA เพื่อนำไปเสนอบริการให้กับลูกค้า
ผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะใหม่ ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบในสายงาน
4. องค์กรและทีมงานฝ่ายบริการลูกค้า
ธุรกิจที่ต้องการใช้ LINE OA เพื่อปรับปรุงการให้บริการลูกค้า เช่น การตอบคำถาม, การติดตามออเดอร์
ธุรกิจที่ต้องการใช้ Chat Automation เพื่อลดภาระงานของพนักงาน
5. ผู้ดูแลเพจหรือโซเชียลมีเดียของธุรกิจ
แอดมินเพจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารกับลูกค้าผ่าน LINE OA
ผู้ที่ดูแลการตอบคำถามและให้บริการลูกค้าในช่องทางออนไลน์
6. นักเรียนและนักศึกษา
ผู้ที่ต้องการเรียนรู้การใช้งาน LINE OA เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในสายการตลาดออนไลน์
ผู้ที่สนใจเรียนรู้เครื่องมือที่ธุรกิจจริงใช้งาน
จุดเด่นของ LINE OA
การเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย: LINE เป็นแอปยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากในประเทศไทย
ฟีเจอร์หลากหลาย: เช่น Broadcast, Rich Menu, ระบบคูปอง, ระบบบัตรสะสมแต้ม
สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: ส่งข้อความส่วนตัวหรือใช้ Chatbot เพื่อให้บริการแบบอัตโนมัติ
รองรับธุรกิจทุกประเภท: เหมาะสำหรับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและองค์กรขนาดใหญ่
สิ่งที่คุณจะได้เรียนในหลักสูตรนี้
การสร้างและตั้งค่า LINE Official Account
การใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Broadcast, Rich Menu, และ Chatbot
การออกแบบข้อความและเนื้อหาที่ดึงดูดใจลูกค้า
การวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการใช้งาน LINE OA
เทคนิคการสร้างแคมเปญการตลาดด้วย LINE OA
ทำไมควรเรียน LINE OA?
เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและสร้างยอดขาย
เรียนรู้การสื่อสารกับลูกค้าอย่างมืออาชีพ
ใช้เครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ
LINE OA คือเครื่องมือที่ทุกธุรกิจควรเรียนรู้เพื่อสร้างความได้เปรียบในยุคดิจิทัล!
ดูรายละเอียด หลักสูตรการใช้งาน LINE OA (Line Official Account) ตัวต่อตัว ที่นี่ครับ
หลักสูตร เรียน HTML ตัวต่อตัว
1. บทนำสู่ HTML
- HTML คืออะไร?
- ความสำคัญและการทำงานของ HTML
- โครงสร้างพื้นฐานของไฟล์ HTML
- การใช้โปรแกรมแก้ไขโค้ด (เช่น VS Code, Sublime Text)
- วิธีการรันไฟล์ HTML บนเว็บเบราว์เซอร์
2. โครงสร้างพื้นฐานของ HTML
- Elements และ Tags
- Attributes ของ HTML
- การใช้ Headings (
<h1>
-<h6>
) - การสร้างย่อหน้า (
<p>
) และการจัดรูปแบบข้อความ - การใช้ List (Ordered, Unordered, และ Description Lists)
- การสร้าง Links (
<a>
) - การใช้ Images (
<img>
)
3. การจัดรูปแบบข้อความและเนื้อหา
- การใช้ Bold (
<b>
), Italic (<i>
), Underline (<u>
) - การใช้ Strong (
<strong>
) และ Emphasis (<em>
) - การใช้ Break (
<br>
) และ Horizontal Line (<hr>
) - การใช้ Span และ Div สำหรับการจัดกลุ่มเนื้อหา
4. การทำงานกับตาราง (Tables)
- การสร้าง Table (
<table>
) - การใช้แถว (
<tr>
) และคอลัมน์ (<td>
) - การกำหนดหัวตาราง (
<th>
) - การใช้ rowspan และ colspan
5. การสร้างฟอร์ม (Forms) และการรับข้อมูลจากผู้ใช้
- การใช้
<form>
และ Attributes ที่สำคัญ - การใช้ Input Types (text, email, password, radio, checkbox, file, date, number เป็นต้น)
- การใช้ป้ายกำกับ (
<label>
) และปุ่ม (<button>
) - การใช้
<select>
,<option>
,<textarea>
6. การใช้ Multimedia ใน HTML
- การเพิ่มรูปภาพ (
<img>
), เสียง (<audio>
), และวิดีโอ (<video>
) - การใช้
<iframe>
สำหรับฝังวิดีโอ YouTube หรือเว็บไซต์อื่นๆ
7. HTML5 และ Elements ใหม่ๆ
- การใช้ Semantic Elements (
<header>
,<nav>
,<section>
,<article>
เป็นต้น) - การใช้
<canvas>
และ<svg>
สำหรับกราฟิก
8. การทำให้ HTML มีปฏิสัมพันธ์กับ CSS และ JavaScript
- วิธีเชื่อมต่อ HTML กับ CSS (
<link>
และ<style>
) - วิธีเชื่อมต่อ HTML กับ JavaScript (
<script>
)
9. การสร้างเว็บไซต์แบบ Responsive ด้วย HTML และ CSS
- การใช้ Meta Viewport (
<meta name="viewport">
) - การใช้ Flexbox และ Grid Layout
10. การทดสอบและปรับแต่งเว็บไซต์ HTML
- การตรวจสอบโค้ด HTML ด้วย W3C Validator
- การใช้ Developer Tools ในเว็บเบราว์เซอร์
11. การ Deploy เว็บไซต์ HTML ขึ้นอินเทอร์เน็ต
- การใช้ Git และ GitHub Pages
- การใช้ FTP หรือ Hosting ฟรี เช่น Netlify, Vercel
หลักสูตร เรียน SEO ตัวต่อตัว
1. พื้นฐานของ SEO
- SEO คืออะไร?
- ความสำคัญของ SEO ต่อธุรกิจและเว็บไซต์
- วิธีการทำงานของ Search Engines (Google, Bing, Yahoo)
- ความแตกต่างระหว่าง SEO On-Page, Off-Page และ Technical SEO
- SEO vs. SEM (Search Engine Marketing)
2. การวิจัยคีย์เวิร์ด (Keyword Research)
- คีย์เวิร์ดคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?
- ประเภทของคีย์เวิร์ด (Short-tail, Long-tail, LSI)
- วิธีค้นหาและเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม
- เครื่องมือช่วยในการวิจัยคีย์เวิร์ด (Google Keyword Planner, Ahrefs, SEMrush, Ubersuggest)
- การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่ง
3. On-Page SEO (การปรับแต่ง SEO บนหน้าเว็บ)
- การปรับแต่ง Title Tag และ Meta Description
- การใช้ Heading Tags (H1, h4, H3... H6) ให้ถูกต้อง
- การใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม (Keyword Placement)
- การปรับโครงสร้าง URL ให้เป็นมิตรกับ SEO
- การใช้ Internal Links และ External Links
4. Technical SEO (SEO เชิงเทคนิค)
- ความเร็วของเว็บไซต์ (Page Speed Optimization)
- การทำ Mobile-Friendly และ Responsive Design
- การใช้ SSL (HTTPS) และความปลอดภัยของเว็บไซต์
- การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ (XML Sitemap, Robots.txt)
- การตั้งค่า Redirects (301, 302) และการแก้ไข Broken Links
5. Off-Page SEO (SEO นอกหน้าเว็บ)
- ความสำคัญของ Backlinks และ Link Building
- ประเภทของ Backlinks (DoFollow vs. NoFollow)
- วิธีการสร้าง Backlinks อย่างมีคุณภาพ
- การทำ Guest Posting และ Outreach
- Local SEO และ Google My Business
6. Content Marketing และ SEO
- วิธีการเขียนบทความให้ติดอันดับบน Google
- การสร้าง Pillar Content และ Cluster Content
- การใช้ Visual Content (Infographics, วิดีโอ)
7. การวิเคราะห์และการติดตามผล SEO
- เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ SEO (Google Search Console, Google Analytics, Ahrefs, SEMrush)
- วิธีการตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ด
- การใช้ Heatmaps และ User Behavior Analysis
8. SEO ขั้นสูง (Advanced SEO)
- การทำ E-A-T (Expertise, Authority, Trustworthiness)
- การใช้ AI และ Machine Learning ใน SEO
- การทำ SEO สำหรับ Voice Search และ Google Assistant
9. การทำ SEO ให้เหมาะกับอัปเดตของ Google
- การติดตามอัปเดตของ Google Algorithm (Panda, Penguin, Hummingbird, BERT, Core Updates)
- วิธีป้องกันการโดน Google Penalty และวิธีแก้ไข
10. การสร้างกลยุทธ์ SEO และ Case Study
- วิธีวางแผน SEO Campaign อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวอย่างการทำ SEO จากเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ
- การสร้าง Roadmap สำหรับ SEO ระยะยาว
หลักสูตร เรียน WORDPRESS ตัวต่อตัว
1. แนะนำ WordPress
- WordPress คืออะไร และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
- ความแตกต่างระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org
- ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ใช้ WordPress
2. การติดตั้ง WordPress
- การติดตั้ง WordPress บน Localhost (XAMPP, MAMP)
- การติดตั้ง WordPress บน Web Hosting จริง
- การตั้งค่า Domain และ Hosting
- การติดตั้งผ่าน cPanel และ Softaculous
3. การใช้งานพื้นฐานของ WordPress
- การเข้าสู่ระบบ WordPress Dashboard
- โครงสร้างของ Dashboard
- การตั้งค่าทั่วไปของ WordPress
- การจัดการผู้ใช้และกำหนดสิทธิ์ (User Roles)
4. การจัดการเนื้อหา (Content Management)
- ความแตกต่างระหว่างโพสต์ (Posts) และหน้า (Pages)
- การสร้างและแก้ไขโพสต์ & หน้า
- การใช้หมวดหมู่ (Categories) และแท็ก (Tags)
- การตั้งค่าลิงก์ถาวร (Permalinks)
- การเพิ่มและจัดการสื่อ (Media Library)
5. การออกแบบเว็บไซต์ด้วย WordPress Themes
- การเลือกและติดตั้งธีม
- การปรับแต่งธีมผ่าน WordPress Customizer
- การใช้ Page Builders เช่น Elementor, Divi, WPBakery
- การสร้าง Child Theme
6. การใช้งานปลั๊กอิน (Plugins)
- การติดตั้งและจัดการปลั๊กอิน
- ปลั๊กอินสำคัญที่ควรมี เช่น SEO, Security, Backup, Caching
- การใช้ WooCommerce สำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์
- การสร้างแบบฟอร์มติดต่อด้วย Contact Form 7 หรือ WPForms
7. การจัดการเมนูและวิดเจ็ต (Navigation & Widgets)
- การสร้างเมนูหลักและเมนูรอง
- การเพิ่ม Widgets ใน Sidebar และ Footer
- การใช้ Custom Widgets
8. ความปลอดภัยของ WordPress
- วิธีป้องกัน Brute Force Attack
- การติดตั้ง SSL/HTTPS
- การสำรองข้อมูล (Backup) ด้วยปลั๊กอิน
- การอัปเดต WordPress, Themes และ Plugins อย่างปลอดภัย
9. SEO สำหรับ WordPress
- การตั้งค่าพื้นฐาน SEO
- การใช้ปลั๊กอิน SEO เช่น Yoast SEO, Rank Math
- การสร้าง XML Sitemap และ Robots.txt
- การตั้งค่า Google Analytics และ Google Search Console
10. การเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วเว็บไซต์
- การใช้ Caching Plugins เช่น WP Rocket, W3 Total Cache
- การบีบอัดรูปภาพ (Image Optimization)
- การใช้ CDN (Cloudflare, BunnyCDN)
- การลด HTTP Requests และ Minify CSS/JS
11. การสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce
- การติดตั้งและตั้งค่า WooCommerce
- การเพิ่มสินค้าและหมวดหมู่สินค้า
- การตั้งค่าการชำระเงินและการจัดส่งสินค้า
- การใช้ WooCommerce Extensions
12. การพัฒนา WordPress (สำหรับนักพัฒนา)
- โครงสร้างไฟล์ของ WordPress
- การสร้างและแก้ไขธีมเอง (Custom Theme Development)
- การใช้ Hooks (Actions & Filters) ใน WordPress
- การสร้าง Custom Post Types และ Custom Fields
- การพัฒนา WordPress Plugin
13. การดูแลและปรับแต่งเว็บไซต์ WordPress
- การอัปเดต WordPress อย่างถูกต้อง
- การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
- การย้ายเว็บไซต์ WordPress (Migration)
- การตั้งค่าเว็บไซต์หลายภาษา (Multilingual)
หลักสูตร การลงโฆษณาบน Facebook ตัวต่อตัว
1. แนะนำการโฆษณาบน Facebook
- ความสำคัญของ Facebook Ads
- รูปแบบโฆษณาบน Facebook
- วิธีการทำงานของ Facebook Algorithm
- Facebook Ads vs. Boost Post
2. การสร้างบัญชีโฆษณา (Facebook Business Manager)
- การสมัครและตั้งค่า Facebook Business Manager
- การเพิ่มและจัดการบัญชีโฆษณา
- การตั้งค่าการชำระเงินและการออกใบเสร็จ
- การเชื่อมโยง Facebook Page กับ Business Manager
3. การตั้งค่า Facebook Pixel & Conversion API
- Facebook Pixel คืออะไร และทำงานอย่างไร
- วิธีติดตั้ง Facebook Pixel บนเว็บไซต์
- การตั้งค่า Conversion Events
- การใช้ Conversion API
4. ประเภทของโฆษณาบน Facebook
- Traffic Ads
- Engagement Ads
- Lead Generation Ads
- Conversion Ads
- Video Views Ads
- Brand Awareness Ads
5. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience)
- การตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายพื้นฐาน
- การใช้ Custom Audience และ Lookalike Audience
- การรีมาร์เก็ตติ้ง (Retargeting)
- การใช้ข้อมูลจาก Facebook Insights
6. การสร้างโฆษณา Facebook Ads
- วิธีเขียนแคปชัน (Ad Copy) ให้ดึงดูด
- การเลือกภาพและวิดีโอสำหรับโฆษณา
- การใช้ A/B Testing
- ขนาดของภาพและวิดีโอที่เหมาะสม
7. การตั้งค่าแคมเปญโฆษณา
- การเลือกวัตถุประสงค์โฆษณา
- การตั้งค่า Budget & Bidding
- การกำหนดระยะเวลาโฆษณา
- การปรับแต่ง Placement
8. การวิเคราะห์ผลลัพธ์โฆษณา
- การอ่านค่า CTR, CPC, CPM, ROAS
- การวัดผลลัพธ์จาก Facebook Ads Manager
- การแก้ไขและปรับปรุงโฆษณาที่ไม่ประสบความสำเร็จ
- การใช้ Google Analytics
9. เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา
- การใช้ Dynamic Ads และ Automated Rules
- การทำ Retargeting อย่างมีประสิทธิภาพ
- เทคนิค Scaling
- วิธีลดค่าโฆษณาแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
10. การโฆษณาบน Facebook Marketplace และ Instagram
- วิธีลงโฆษณาบน Facebook Marketplace
- การโฆษณาบน Instagram Ads
- การเลือก Placement ที่เหมาะสม
- การใช้ Stories Ads และ Reels Ads
11. การจัดการโฆษณาและงบประมาณ
- วิธีตั้งค่า Budget
- การใช้ Manual Bidding vs. Automatic Bidding
- การกระจายงบประมาณระหว่างแคมเปญ
- การตรวจสอบ Billing และค่าใช้จ่าย
12. การป้องกันปัญหาบัญชีโฆษณาถูกปิด
- สาเหตุที่บัญชีโฆษณาถูกปิดและวิธีป้องกัน
- วิธีขอคืนบัญชีโฆษณา Facebook ที่ถูกปิด
- นโยบายโฆษณาของ Facebook
- วิธีป้องกันการโดนแบน
หลักสูตร การลงโฆษณาบน Google ตัวต่อตัว
1. แนะนำ Google Ads
- Google Ads คืออะไร และทำงานอย่างไร
- ประเภทของโฆษณาบน Google
- ความแตกต่างระหว่าง SEO และ Google Ads
- หลักการประมูลโฆษณา
2. การสร้างบัญชีและการตั้งค่าเบื้องต้น
- วิธีสมัครและตั้งค่า Google Ads Account
- การตั้งค่าการชำระเงินและภาษี
- การกำหนดค่า Conversion Tracking
- การเชื่อมโยง Google Analytics กับ Google Ads
3. การสร้างโฆษณาแบบ Search Ads
- หลักการทำงานของ Google Search Ads
- การเลือก Keyword ที่เหมาะสม
- วิธีเขียนโฆษณาให้น่าสนใจ
- การตั้งค่า Ad Extensions
4. การทำโฆษณาแบบ Display Ads
- Google Display Network (GDN) คืออะไร
- การกำหนด Target Audience สำหรับ Display Ads
- วิธีออกแบบ Banner Ads ให้น่าสนใจ
- การตั้งค่า Remarketing Ads
5. การทำโฆษณาแบบ Video Ads (YouTube Ads)
- ประเภทของโฆษณา YouTube
- วิธีสร้างโฆษณาวิดีโอที่มีประสิทธิภาพ
- การตั้งค่า Target Audience สำหรับ YouTube Ads
- การวิเคราะห์ผลลัพธ์ของ YouTube Ads
6. การทำโฆษณาแบบ Google Shopping Ads
- Google Shopping Ads คืออะไร
- วิธีสร้างและเชื่อมโยง Google Merchant Center
- การเพิ่มสินค้าและตั้งค่าฟีดข้อมูลสินค้า
- เทคนิคการเพิ่มยอดขายด้วย Shopping Ads
7. การทำโฆษณาแบบ Performance Max (PMax Ads)
- Performance Max Ads คืออะไร
- การตั้งค่าแคมเปญ PMax
- การวิเคราะห์และปรับแต่งโฆษณา PMax
- การใช้ Audience Signal
8. การทำโฆษณาแบบ App Promotion Ads
- วิธีโปรโมตแอปพลิเคชัน
- การตั้งค่าการติดตั้งแอป และการมีส่วนร่วม
- วิธีวัดผลลัพธ์และปรับแต่งโฆษณาแอป
9. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
- การเลือกกลุ่มเป้าหมาย
- การใช้ Custom Audience และ Similar Audience
- การทำ Remarketing
- การใช้ Customer Match และ First-Party Data
10. การตั้งค่าและการจัดการงบประมาณโฆษณา
- วิธีเลือก Bidding Strategy
- การตั้งค่า Budget และ Campaign Optimization
- การปรับงบประมาณโฆษณา
- การใช้ Automated Rules
11. การวิเคราะห์ผลลัพธ์โฆษณาและการปรับปรุง
- การอ่านค่า CTR, CPC, CPM, ROAS, Quality Score
- การใช้ Google Ads Reports
- วิธีปรับปรุงโฆษณา
- การทำ A/B Testing
12. ปัญหาที่พบบ่อยและการแก้ไขปัญหาโฆษณา
- สาเหตุที่โฆษณาไม่แสดงผล
- วิธีแก้ปัญหาบัญชีโฆษณาถูกระงับ
- ข้อห้ามของ Google Ads
- วิธีติดต่อ Google Support
หลักสูตร หลักสูตรการทำเว็บไซต์ด้วย Responsive + Bootstrap ตัวต่อตัว
1. แนะนำ Bootstrap และ Responsive Design
- Bootstrap คืออะไร และทำไมต้องใช้
- หลักการทำงานของ Responsive Design
- Mobile-First vs. Desktop-First Design
- การติดตั้ง Bootstrap (CDN และ Local)
2. โครงสร้างพื้นฐานของ Bootstrap
- Container และ Grid System
- Row และ Column ทำงานอย่างไร
- Breakpoints ของ Bootstrap
- การใช้ Flexbox และ Utility Classes
3. การจัดการ Typography และ Color System
- การใช้ Typography ของ Bootstrap
- การกำหนดสีพื้นฐานและสีขององค์ประกอบ
- การใช้ Spacing Utilities (Margin & Padding)
4. การสร้าง Navigation และ Navbar
- การสร้าง Navbar ที่ตอบสนองทุกขนาดหน้าจอ
- การใช้ Offcanvas และ Dropdown Menu
- การใช้ Breadcrumbs และ Pagination
5. การสร้าง Layouts และ Responsive Components
- Card, List Group, และ Media Objects
- Grid Layout แบบซับซ้อน
- การใช้ Bootstrap Components เช่น Alerts, Badges, Progress Bars
6. การใช้ Forms และ Input Elements
- การสร้างฟอร์มที่สวยงามและใช้งานง่าย
- การใช้ Input Groups, Checkboxes และ Radios
- การใช้ Floating Labels และ Validation
7. การใช้ Buttons และ Icons
- การสร้างปุ่มแบบต่าง ๆ
- การใช้ Button Groups
- การเพิ่ม Icons ด้วย Bootstrap Icons
8. การใช้ Images, Figures และ Responsive Media
- การทำให้รูปภาพ Responsive
- การใช้ Carousel สำหรับแสดงรูปภาพแบบสไลด์
- การใช้ Video และ Embedded Content
9. การใช้ Modal, Tooltip และ Popover
- วิธีสร้าง Modal Dialog
- การใช้ Tooltips และ Popovers
- การใช้ Toast Notifications
10. การสร้าง Responsive Tables และ Lists
- การจัดรูปแบบตารางด้วย Bootstrap
- การทำให้ตารางรองรับหน้าจอขนาดเล็ก
- การใช้ List Group และ Responsive Lists
11. การใช้ JavaScript Components ใน Bootstrap
- การใช้ Collapse และ Accordion
- การใช้ Tabs และ Pills
- การสร้าง Scrollspy Navigation
12. การออกแบบเว็บไซต์จริงด้วย Bootstrap
- การสร้าง Landing Page ที่ Responsive
- การออกแบบหน้า Blog และ Portfolio
- การสร้าง Dashboard หรือ Admin Panel
13. การปรับแต่ง Bootstrap และการใช้ Custom CSS
- วิธีการ Override ค่า Default ของ Bootstrap
- การใช้ SCSS เพื่อปรับแต่ง Bootstrap
- การใช้ CSS Variables ใน Bootstrap
14. การ Optimize และ Deploy เว็บไซต์ที่ใช้ Bootstrap
- การใช้ Bootstrap 5 กับ CDN และ Local Files
- การลดขนาดไฟล์ CSS และ JavaScript
- การ Deploy เว็บไซต์ขึ้นโฮสติ้ง
หลักสูตร PHP + MySQL ตัวต่อตัว
1. แนะนำ PHP และ MySQL
- PHP คืออะไร และทำไมต้องใช้
- หลักการทำงานของ PHP
- MySQL คืออะไร และการจัดการฐานข้อมูล
- การติดตั้ง XAMPP/MAMP และการตั้งค่าสภาพแวดล้อม
2. พื้นฐานการเขียน PHP
- ตัวแปรและชนิดข้อมูลใน PHP
- การใช้เงื่อนไข (if-else, switch-case)
- การใช้ลูป (for, while, foreach)
- การจัดการฟอร์มและการส่งค่า (GET, POST)
3. ฟังก์ชันและการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพ
- การสร้างและใช้ฟังก์ชันใน PHP
- การจัดการไฟล์และโฟลเดอร์
- การใช้ Include และ Require
- การใช้ Session และ Cookies
4. การเชื่อมต่อและจัดการฐานข้อมูล MySQL
- พื้นฐาน SQL (SELECT, INSERT, UPDATE, DELETE)
- การเชื่อมต่อ PHP กับ MySQL ด้วย MySQLi / PDO
- การป้องกัน SQL Injection
- การใช้งาน Prepared Statements
5. การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันด้วย PHP และ MySQL
- การสร้างระบบล็อกอิน-ลงทะเบียน
- การจัดการสิทธิ์ผู้ใช้ (User Roles)
- การอัปโหลดและแสดงผลไฟล์ (Images, Documents)
- การพัฒนาเว็บบอร์ดหรือระบบคอมเมนต์
6. การใช้ PHP Framework และเทคนิคขั้นสูง
- แนะนำ PHP Framework เช่น Laravel, CodeIgniter
- การทำงานร่วมกับ AJAX และ JavaScript
7. การปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัย
- เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพเว็บด้วย PHP
- การป้องกัน SQL Injection และ XSS
- การเข้ารหัสรหัสผ่าน (Password Hashing)
- การ Deploy เว็บไซต์ขึ้นเซิร์ฟเวอร์
สรุป
หลักสูตรนี้ช่วยให้คุณเข้าใจและพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันโดยใช้ PHP และ MySQL อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการทำงานกับ Framework และเทคนิคระดับสูง
หลักสูตรการใช้งาน LINE OA (Line Official Account) ตัวต่อตัว
1. แนะนำ Line Official Account
- LINE OA คืออะไร และข้อดีของการใช้งาน
- ประเภทบัญชีและการสมัครใช้งาน
- วิธีตั้งค่าพื้นฐานและการตั้งค่าโปรไฟล์ธุรกิจ
2. การตั้งค่าและการใช้งานพื้นฐาน
- วิธีเพิ่มแอดมินและจัดการสิทธิ์
- การตั้งค่าข้อความต้อนรับอัตโนมัติ
- การตั้งค่าการตอบกลับอัตโนมัติ (Auto Reply)
- การใช้ Rich Menu และวิธีปรับแต่ง
3. การสร้าง Content และ Broadcast Message
- วิธีใช้ Broadcast Message ให้มีประสิทธิภาพ
- การสร้าง Rich Message, Rich Video และ Rich Menu
- การใช้ Card-Based Message และ Flex Message
- การตั้งค่าช่วงเวลาการส่งข้อความ (Scheduled Messages)
4. การใช้ LINE OA Chat และการจัดการลูกค้า
- วิธีใช้ 1-on-1 Chat กับลูกค้า
- การตั้งค่า Quick Reply และ Chat Tags
- การใช้ Notes และ Chat Labels เพื่อจัดการลูกค้า
5. การสร้าง Mini Website ด้วย LINE MyShop
- วิธีเปิดใช้งาน LINE MyShop
- การจัดการสินค้าและระบบออเดอร์
- การตั้งค่าการชำระเงินและโปรโมชั่น
6. การใช้ LINE Official Account กับ LINE Ads และ LINE Points
- การโฆษณาบน LINE Ads Platform
- การใช้ LINE Points เพื่อดึงดูดลูกค้า
- การทำ Retargeting กับลูกค้าเก่า
7. การเชื่อมต่อ LINE OA กับระบบอื่น ๆ
- การใช้ LINE API สำหรับการพัฒนาเพิ่มเติม
- การเชื่อมต่อกับ Chatbot เช่น Dialogflow หรือ LINE Bot Designer
- การใช้ LINE OA ควบคู่กับ CRM และ E-Commerce
8. การวิเคราะห์ข้อมูลและปรับกลยุทธ์
- การอ่านค่า Metrics และสถิติบน LINE OA
- วิธีวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าจาก LINE OA Insight
- การปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
สรุป
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภทที่ต้องการใช้ LINE Official Account เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาด เพิ่มยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
เแต่ละหลักสูตรอาจเรียนไม่หมดในวันเดียว สามารถเลือกเรียนหัวข้อที่สนใจได้
รับสอนพิเศษออนไลน์ สอนพิเศษตัวต่อตัว เรียนออนไลน์ส่วนตัว
เรียนจากเจ้าของเว็บไซต์ SIAMFOCUS.com โดยตรง ส่งต่อประสบการณ์จากการทำงานจริง ๆ เรียนทำเว็บ จากคนทำเว็บ
สอนพิเศษตัวต่อตัว รับสอนพิเศษออนไลน์ เรียนออนไลน์ส่วนตัว ส่งต่อจากประสบการณ์ ทำงานจริง
ประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในการพัฒนาเว็บไซต์ และการตลาดออนไลน์
เรียนออนไลน์ส่วนตัว สอนพิเศษตัวต่อตัว รับสอนพิเศษออนไลน์
แต่ละหลักสูตร ราคา 3,000 บาท เรียนตัวต่อตัว 3 ชั่วโมง ให้คำปรึกษาฟรี หลังจากเรียนจบไปแล้ว
เรียนออนไลน์ส่วนตัว สอนพิเศษตัวต่อตัว รับสอนพิเศษออนไลน์ เพียง 3,000 บาท / ต่อหลักสูตร
เงื่อนไขในการเรียน
- เรียนออนไลน์ส่วนตัว สอนพิเศษตัวต่อตัว รับสอนพิเศษออนไลน์ การสอนดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงแค่การ แนะนำ วิธี ที่ผู้สอนใช้งานในการเขียนงานจริง ๆ เท่านั้น อาจแตกต่างกับคนอื่นบ้าง ไม่สามารถเอามาเทียบเคียงได้
- ผู้เรียนต้องเตรียมคอมพิวเตอร์ Notebook มาเอง พร้อม Project ที่คิดจะทำหรืออยากเรียนรู้ ดังนั้นการเรียนแต่ละคนจึงมีความแตกต่างกัน การสอนจะเน้นสอนตามที่ผู้เรียนต้องการ
- วันที่สะดวกในการสอน เปิดสอนทุกวัน แต่ต้องจองวันเรียน นัดวันเรียน ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน
- เรียนผ่าน Google Meet, Zoom, Anydesk, Voov หรือแล้วแต่ที่ผู้เรียนถนัด
- ช่วงระยะเวลาในการสอน 09.00-11.00, 13.00-16.00, 20.00-23.00
- ชำระเงินเต็มจำนวน ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพื่อเป็นการจองวันไว้ครับ
- กรณีชำระเงินมาแล้ว หากไม่สามารถมาเรียนวันดังกล่าวได้ ให้ตกลงกับผู้สอนอีกที เพื่อนัดเรียนวันอื่นได้ โดยทำการเลื่อนได้เพียง 1 ครั้ง หากผิดนัดอีก ต้องลงเรียนใหม่ครับ
การชำระเงิน

สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้ด้วยนะครับ
