WordPress : Theme Wordpress
สวัสดีครับ วันนี้ผมขอนำเสนอแหล่งรวม Theme Wordpress (ธีมเวิร์ดเพลส) หรือ แปลเป็นภาษาไทย ก็คือ แหล่งรวมรูปแบบเว็บไซต์ของ WordPress นั้นเองครับ
อย่างที่เคยเล่าให้ฟังครับ ว่าปัจจุบันการทำเว็บที่ง่ายและรองรับการค้นหาบนกูเกิลได้ดีที่สุด จะเป็น รูปแบบเว็บไซต์ที่ใช้งาน WordPress และเมื่อ WordPress เป็นที่นิยมสูงสุด จึงมีคนทำ Theme ออกมาจำหน่าย หรือ แบบให้ใช้ฟรีก็มี แต่ Theme ฟรีก็จะมีข้อจำกัดในการใช้งานค่อนข้างเยอะ หรือ ปรับแต่งได้ไม่เยอะเท่ากับ Theme ที่เราเสียเงินซื้อครับ
เข้าสู่เว็บไซต์ที่ผมแนะนำเลยครับ นั้นก็คือ ThemeForest.net
โดย ThemeForest.net เป็น 1 ในบริการของ Envato Market ซึ่ง Envato Market นี้ก็จะมีขายอีกหลายอย่างเช่น CODE, VIDEO, AUDIO, GRAPHICS, PHOTO, 3D FILES ซึ่งในแต่ละหมวดก็จะมีแยกย่อยลงไปอีก เอาเป็นว่า สำหรับเว็บไซต์นี้เป็นแหล่งรวมของดีมีคุณภาพ สำหรับ Webmaster, Graphic & Web Designer เลยทีเดียว
แต่ในวันนี้ เราจะมาเจาะลึกลงรายละเอียด ในส่วน Theme สำหรับ WordPress เท่านั้นนะครับ เพราะผมใช้บริการเป็นประจำและคิดว่ามีประโยชน์ สำหรับคนที่กำลังทำเว็บของตัวเอง หรือ รับจ้างทำเว็บไซต์ ครับ
ก่อนอื่นเลยครับ เข้าไปที่เว็บไซต์นี้ครับ ThemeForest.net
เมื่อเข้าไปแล้ว กดที่เมนู WordPress ตามรูปด้านบน นะครับ
ตามรูปด้านบน ในช่องค้นหา ตรงนี้เราสามารถค้นหารูปแบบเว็บที่ต้องการได้เลยนะครับ แต่ต้องพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษนะครับ เช่น SEO,DIGITAL MARKETING,SHOPPING เป็นต้น
ตามรูปด้านบน ส่วนที่ถัดลงมาจะเป็นหมวดหมู่ ที่ทาง ThemeForest ได้จัดเตรียมไว้ให้เรานะครับ โดยสามารถกดเข้าไปยังหมวดหมู่ที่เราต้องการได้เลย ซึ่งหมวดหมู่นี้เป็นหมวดหมู่ยอดนิยม ที่นักพัฒนา Theme ได้นำมาวางขายนะครับ โดยผมจะลิสต์ให้ดูดังนี้ครับ
- Corporate = รูปแบบเว็บไซต์บริษัท
- Blog Magazine = รูปแบบเว็บไซต์ข่าวสาร หรือ รูปแบบเว็บข่าว
- Creative = รูปแบบเว็บไซต์แนวความคิดสร้างสรรค์
- eCommerce = รูปแบบเว็บไซต์ขายของ ตระกร้าสินค้า
- Retail = รูปแบบเว็บขายสินค้า ที่มีสินค้าไม่เยอะ
- Technology = รูปแบบเว็บไซต์แนวเทคโนโลยีสมัยใหม่
- Entertainment = รูปแบบเว็บไซต์บันเทิง
- Nonprofit = รูปแบบเว็บไซต์องค์กรต่างๆ
- Education = รูปแบบเว็บไซต์ทางการศึกษา เช่น โรงเรียน เนอสเซอรี่ ติวเตอร์ เป็นต้น
- Wedding = รูปแบบเว็บไซต์เกี่ยวกับการแต่งงาน
- Real Estate = รูปแบบเว็บไซต์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัย์
- BuddyPress = รูปแบบเว็บไซต์สร้างสัมคมโซเชียลของตัวเอง เช่น เว็บหาคู่ เป็นต้น
- Mobile = รูปแบบเว็บไซต์ที่เน้นการแสดงผลบนมือถือโดยเฉพาะ
- Miscellaneous = รูปแบบเว็บไซต์อื่นๆ ที่ยังไม่จัดหมวดหมู่ด้านบน
เป็นอย่างไรบ้างครับ น่าจะครอบคลุมเว็บไซต์ ที่ใช้ WordPress เกือบทั้งหมดบนโลกนี้ ใช่ไหมครับ?? สิ่งที่เราจะได้จากการเข้าไปในแต่ละหมวดหมู่ คือ แนวคิด โทนสี การจัดวาง ระบบการจัดการภายใน ซึ่งบางทีอาจจะตรงกับที่เราต้องการ และเราก็สามารถซื้อมาใช้งานได้เลยครับ
ไปดูกันต่อ ขั้นต่อไปครับ โดยผมจะทำการค้นหา Theme ที่ต้องการ อันนี้ยกตัวอย่างที่ใช้งานจริงให้ดูเลยนะครับ โดยโจทย์ของผมคือ ผมจะทำ เว็บไซต์ขายสินค้าแฟชั่น คำที่ผมจะใช้ค้นคือ fashion store
พิมพ์ใส่ในช่องค้นหา แล้วกด ปุ่ม แว่นขยายสีเขียวนะครับ
เมื่อกดค้นหาแล้ว จะมีรายการที่เกี่ยวข้องมาแสดงให้เรา
สิ่งหนึ่งสำคัญมากก่อนกดเข้าไปดูรายละเอียดด้านใน นอกเหนือจากราคาแล้ว ก็คือจำนวนครั้งที่ขายได้ และการอัปเดทล่าสุด
บาง Theme ลูกค้าซื้อมาให้ผมติดตั้ง แต่เมื่อกดเข้าไปดูวันที่อัปเดทแล้ว Theme อัปเดทล่าสุดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แบบนี้อาจทำให้เว็บไซต์มีปัญหาได้ เพราะตัว WordPress เองมีการอัปเดทบ่อยมาก
แนะนำการดู Theme Last Update ไม่ควรเกิน 6 เดือนจากวันที่เราทำการค้นหา ถ้ามากกว่านี้ไม่ควรซื้อครับ
ผมเลือกดู Theme ชื่อ KAPEE นะครับ เมื่อกดที่รูปภาพใหญ่ หรือ ปุ่ม Preview จะพาเราไปหน้ารายละเอียดของ Theme
เมื่อเข้ามาหน้า รายละเอียดของ Theme แล้ว ให้กดปุ่ม Live Preview ดูการทำงานแบบ Online จริงๆ ก่อนได้นะครับ เพราะถ้าเราชอบรูปแบบและการทำงานแล้วเมื่อซื้อมาติดตั้งก็ควรจะเป็นเหมือนในหน้าเว็บไซต์ที่แสดง
*ข้อเสนอแนะบาง Theme กดดูแล้ว Live Preview แล้งลิ้งค์เสีย ไม่แนะนำให้ซื้อนะครับ เพราะเรายังไม่เห็นการทำงานแบบออนไลน์จริงๆ
ถ้าเราต้องการดู รูปแบบเว็บไซต์เต็มๆ ให้กดปุ่ม Remove Frame ด้านบนออกก่อนนะครับ
จะมีตัวอย่างให้เราเลือกรูปแบบนะครับ ตรงนี้หมายความว่าถ้าเราซื้อ Theme นี้เราสามารถ ทำรูปแบบตามตัวอย่างได้ทุกอันเลยครับ
กดเข้าไปดูจะเห็นรูปแบบเว็บที่ใช้งานได้จริงๆ สามารถคลิกได้ในแต่ละลิ้งค์ ตามตัวอย่างที่แสดงให้เห็นนะครับ
และเมื่อเราดูจนเป็นที่พอใจแล้ว และตัดสินใจที่จะซื้อแล้ว ให้กลับไปหน้า ThemeForest อีกทีหนึ่งครับ และกด Buy Now (ซื้อเลย)
กรณีที่ยังไม่เคยสมัครสมาชิกต้องทำการสมัครสมาชิก่อน กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน จากนั้นกดปุ่ม Next
กรอกข้อมูลเพิ่มเติมให้ครบถ้วน จากนั้นกดปุ่ม Create account & continue
กรอกข้อมูลที่อยู่ในการออกใบเสร็จให้ครบถ้วน จากนั้นกดปุ่ม save & continue
กรอกข้อมูลการชำระเงิน จะสังเกตว่ามีค่าดำเนินการ $2 จากการซื้อในแต่ละครั้ง สามารถชำระเงิน ด้วย บัตรเครดิต/เดบิต (ที่ซื้อของออนไลน์ได้) และจ่ายด้วย Paypal ส่วน Skrill บ้านเราไม่ค่อยนิยมใช้
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เราสามารถ Donwload Theme ที่เราทำการซื้อได้
เราสามารถ Download ไม่จำกัดจำนวนครั้ง หรือ กรณีมีอัปเดทใหม่ เราก็สามารถ Downlaod Version ใหม่ไปติดตั้งทับตัวเดิมได้
เราสมารถดูรายการที่เราสั่งซื้อได้ ตรงเมนู Account ด้านบน แล้วกดเข้าไปดูในเมนู Download นะครับ
และนี่เป็นเว็บไซต์ที่ผมติดตั้ง Theme kapee ให้กับลูกค้า https://www.discount888.com
ลองดูนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่สนใจนะครับ
+++++++++++++++++++++++++++++
จากประสบการณ์การซื้อ Theme WordPress บน ThemeForest.net พบว่า ทุก Theme จะมีคู่มือการติดตั้งมาให้ทุก Theme นะครับ และก็สามารถสอบถามปัญหาจากผู้พัฒนา Theme ได้เป็นระยะเวลา 3 เดือน ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
อีก 1 ข้อที่สำคัญนะครับ 1 Theme ใช้ได้ 1 เว็บไซต์เท่านั้นนะครับ หากต้องการซื้อแบบใช้หลายเว็บไซต์ต้องซื้อแบบที่ไม่จำกัด License แต่ราคาก็จะสูงมาก ผมแนะนำ ซื้อติดตั้งทีละเว็บดีกว่าครับ
+++++++++++++++++++++++++++++
สนใจเรียนทำเว็บด้วย WordPress หรือต้องการให้สอนติดตั้ง Theme WordPress ที่ซื้อมา ดูรายละเอียดที่นี่เลยครับ สอน WordPress
กดซื้อ Theme WordPress ที่แบนเนอร์ด้านล่างครับ
มาเป็นเพื่อนกันครับ บนช่องทาง Social ด้านล่างนี้ครับ
--------------------------► LINE@ : @siamfocus.com
► Facebook : fanpage.siamfocus
► Twitter (X) : siamfocus
► Linkedin : taam-siamfocus
► Instagram : iamtaam
► Youtube : SiAMFOCUS
► Tiktok : @taamsiamfocus
--------------------------